ความเดือดร้อนจาก ค่าไฟ แพง ยังคงเป็นปัญหากวนใจในหลาย ๆสถานที่ โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่ต้องใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ทั้งจากการมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย และจำนวนผู้ใช้งานในแต่ละสถานที่มากขึ้น โดยวิธีการที่จะป้องกันหรือแก้ไขได้นั้น จำเป็นต้องทราบไปถึงสาเหตุต้นตอของวิกฤติ ค่าไฟ เพื่อจะได้ต่อยอดไปสู่การหาแนวทางในการรับมือ เพื่อหยุดยั้งไม่ให้สร้างผลกระทบที่ลุกลาม และสร้างความเดือดร้อนไปสู่วงกว้าง โดยผู้ใช้ไฟฟ้าที่ยังมืดมนไม่ทราบว่าค่าไฟฟ้ารายเดือนที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากอะไร มาไขคำตอบ คลายความสงสัยไปพร้อม ๆ กัน
ในแต่ละสถานที่อาจจะมีการใช้อุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกที่แตกต่างกันไป ตามความต้องการของพื้นที่นั้น ๆ โดยสิ่งที่จะส่งผลให้ ค่าไฟ ขยับตัวสูงขึ้นจนน่าตกใจ ก็คือ การเปิดใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีอัตราการกินไฟสูง ๆ โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น เตาไมโครเวฟ ซึ่งยิ่งมีการใช้งานในจำนวนชั่วโมงที่เพิ่มขึ้น ก็ยิ่งจะทำให้เกิดค่าไฟฟ้ารายเดือนปรับตัวสูงตามไปด้วย ทางที่ดีก็คือ การศึกษาข้อมูลเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟ และควบคุมการใช้งานให้เหมาะสม
กว่าจะมาเป็นตัวเลข ค่าไฟ ที่แสดงอยู่ในบิลที่ส่งไปยังแต่ละสถานที่นั้น มีรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการคำนวณอยู่หลายส่วน ทั้งอัตราค่าไฟฐาน ซึ่งมีการคิดแบบอัตราก้าวหน้า คือยิ่งใช้ไฟฟ้าเยอะก็ยิ่งต้องจ่ายเพิ่มขึ้น แล้วประเภทผู้ใช้ไฟฟ้าที่ต่างกัน ก็มีผลทำให้ค่าไฟฟ้าแตกต่างกันได้ นอกจากนั้นยังต้องบวกรวมค่า ft หรือค่าต้นทุนแปรผันที่เกิดจากการผลิตไฟฟ้า ซึ่งมีการปรับอัตราการจัดเก็บในทุก ๆ 3 เดือนล่วงหน้า นอกจากนั้นยังรวมไปถึงภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งหาตัวแปรโดยเฉพาะ ค่า ft เปลี่ยนแปลงไป ก็มีผลกระทบทำให้ค่าไฟ แพงขึ้น
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าในแต่ละช่วงฤดูกาลในแต่ละปี ก็มีพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าที่แตกต่างกันไปด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะหน้าร้อน ซึ่งทำให้ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศ พัดลม ตลอดทั้งวัน จึงมีโอกาสที่ ค่าไฟ จะพุ่งทะลุเพดานมากกว่าช่วงอื่น ๆ ได้ ส่วนในฤดูฝน หรือฤดูหนาว ซึ่งมีอากาศเย็น ก็อาจจะทำให้ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ปรับตัวลดลงได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น การทำความเข้าใจถึงปัจจัยแวดล้อมก็มีผลสำหรับการสังเกตความเปลี่ยนแปลงค่าไฟ และสามารถวางแผนจัดการล่วงหน้าได้
อีกปัจจัยที่มีผลสูงเช่นเดียวกันสำหรับการปรับตัวของ ค่าไฟ ก็คือการกำหนดนโยบายของหน่วยงานภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน รวมไปถึงการไฟฟ้าฝ่ายผลิต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการจัดซื้อเชื้อเพลิง ทั้งน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน รวมไปถึงระบบบริหารจัดการจากหน้าโรงไฟฟ้า ไปจนถึงสถานที่ผู้ใช้ไฟฟ้าแต่ละแห่ง ซึ่งนโยบายที่มีการปรับเปลี่ยนย่อมส่งผลได้ทั้งในเชิงลบ และเชิงบวก ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่เกี่ยวข้องว่าเป็นลักษณะใด
อีกหนึ่งต้นเหตุที่มีผลทำให้ ค่าไฟ ขยับตัวขึ้นได้เช่นเดียวกัน ก็คือ การขาดวินัยของผู้ใช้งาน รวมไปถึงไม่มีการวางแผนกำหนดมาตรการที่ดีและเหมาะสม เพื่อให้เกิดการใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ เน้นใช้งานตามความเคยชิน โดยไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมา จนทำให้สร้างความเสียหายในระยะยาว จำเป็นต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนที่สูงลิ่ว และอาจจะก่อให้เกิดปัญหาหนี้สินภายในครอบครัวขึ้นได้เช่นเดียวกัน
เพราะปัญหา ค่าไฟ แพงเกิดขึ้นได้จากปัจจัยภายใของสถานที่นั้น ๆ รวมไปถึงจากต้นเหตุภายนอกที่ควบคุมได้ยาก แต่หากลองหันมาใช้ระบบผลิตไฟฟ้าจากโซล่าเซลล์ ซึ่งทำให้มีแหล่งพลังงานไฟฟ้าของตนเอง ที่ช่วยลดการพึ่งพาไฟฟ้าจากระบบสายส่ง ทำให้ ค่าไฟ ปรับตัวลดลงได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยสำหรับท่านใดที่สนใจในการนำระบบโซล่าเซลล์มาใช้งาน สามารถขอคำปรึกษาและสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ จากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญอย่าง บริษัท โซลาร์ พาวเวอร์ ครีเอชั่น บริษัทชั้นนำด้านการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ที่มีประสบการณ์มากว่า 20 ปี มีทีมวิศวกรและช่างที่มีความเชี่ยวชาญดูแลตลอดระยะเวลาตั้งแต่สำรวจ ติดตั้ง ขออนุญาต ไปจนถึงการบำรุงรักษา โดยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 081 – 2589068 หรือแอดไลน์ @Solarpowercreation และเข้าไปอ่านเนื้อหาความรู้ที่น่าสนใจเกี่ยวกับโซลาร์เซลล์ได้ที่ www.powercreation.co.th และ Facebook : Solar Power Creation