5 อันดับอุปกรณ์กินไฟสุดโหด พร้อม วิธีประหยัดไฟฟ้า แบบไม่ต้องลงทุนสูง

Nung Pr • 8 สิงหาคม 2566

ด้วยความเร่งรีบ และเวลาที่มีอยู่จำกัด ทำให้มนุษย์ทุกวันนี้ต้องพึ่งพาอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ต่าง ๆ เพื่อทุ่นแรง และทำให้ประหยัดเวลา โดยเครื่องใช้ไฟฟ้าที่อยู่ภายในบ้าน แต่ละชนิดล้วนมีอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานหรือกินไฟที่แตกต่างกันไป ตามขนาด และจำนวนชั่วโมงในการใช้งาน ซึ่งเพื่อให้สามารถวางแผนลดค่าไฟฟ้าอย่างเป็นระบบ การทำความรู้จักกับอุปกรณ์ที่กินไฟสุดโหด และเรียนรู้ วิธีประหยัดไฟฟ้า เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเลือกซื้อและใช้งานให้สอดคล้องต่อการมาตรการลดใช้พลังงานจึงมีความสำคัญ ซึ่ง วิธีประหยัดไฟฟ้า แบบใดบ้างที่จะทำให้ช่วยลดค่าไฟภายในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปติดตามกันเลย


1. เครื่องน้ำอุ่น

ในช่วงเช้าหรือในฤดูหนาวที่มีอากาศเย็น การอาบน้ำถือเป็นเรื่องขยาดของใครหลาย ๆ คน หนึ่งในตัวช่วยที่บ้านเรือนส่วนใหญ่ซื้อมาใช้งานซึ่งจัดเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟสุดโหด ก็คือ เครื่องทำน้ำอุ่น โดยมีอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าสูงถึง 2,500 – 12,000 วัตต์ โดย วิธีประหยัดไฟฟ้า ที่จะช่วยลดค่าไฟได้ ก็คือ การเลือกเครื่องทำน้ำอุ่นที่มีขนาดเหมาะสมกับจำนวนสมาชิกในบ้าน เปิดใช้งานเท่าที่จำเป็น และตรวจสอบสภาพบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ


2. เครื่องปรับอากาศ

ด้วยเมืองไทยอยู่ในเขตร้อนชื้น ซึ่งจะมีจำนวนฤดูร้อนสูงกว่าฤดูอื่น ๆ ทำให้เครื่องปรับอากาศ หรือแอร์ เป็นอีกหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็นอย่างมากสำหรับคนขี้ร้อน โดยอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ชนิดนี้มีอัตรากินไฟโดยเฉลี่ยสูงราว 1,200 – 3,300 วัตต์ และหากปรับอุณหภูมิยิ่งต่ำ และเปิดใช้งานระยะเวลายาวนาน ค่าไฟฟ้าย่อมพุ่งสูงปรี๊ด วิธีประหยัดไฟฟ้า ที่ช่วยยับยั้งไม่ให้แอร์กินไฟสูงก็คือ การเลือกขนาดให้เหมาะสมกับพื้นที่ห้อง ปิดห้องให้สนิทเพื่อให้ความร้อนผ่านเข้าไปน้อย ๆ และควรติดตั้งในตำแหน่งที่เหมาะสม


3. เครื่องซักผ้า

ด้วยความเร่งรีบ มีเวลาจำกัด การอาศัยเครื่องทุ่นแรง และประหยัดเวลา อย่างการซักผ้าซึ่งเป็นเรื่องน่าเบื่อสำหรับใครหลาย ๆ คน เครื่องซักผ้าจึงเป็นผู้ช่วยคนสำคัญที่ทำให้เบาแรง และมีเวลาว่างไปทำอย่างอื่นได้ ซึ่งก็ต้องแลกมากับค่าไฟที่เพิ่มขึ้น โดยอุปกรณ์ไฟฟ้านี้มีอัตรากินไฟสูงไม่เบา อยู่ที่ประมาณ 3,000 วัตต์ ซึ่งวิธีประหยัดไฟฟ้า ที่จะลดการสิ้นเปลืองพลังงานได้ ก็คือ การวางแผนซักผ้าให้เหมาะสมกับปริมาณ โดยหากมีไม่เยอะ ควรซักสัปดาห์และครั้ง โดยเลือกขนาดเครื่องซักผ้าให้เหมาะสม และหากมีแดดเยอะ ควรซักโดยไม่ต้องปั่นแห้ง ก็จะช่วยลดปริมาณไฟฟ้าที่ใช้ลงได้

 

4. เตารีด

เมื่อซักผ้าแล้วเกิดรอยยับ ย่น จนดูไม่สวยงามเวลาสวมใส่ จึงจำเป็นต้องอาศัยเตารีดมาช่วยให้เรียบเนียน โดยเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดนี้ก็กินไฟโหดไม่แพ้ชนิดไหน ๆ โดยมีอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานอยู่ที่ราว 750 – 2,000 วัตต์ ซึ่งหากใครมีพฤติกรรมการรีดผ้าแบบทีละตัวเมื่อต้องการใส่ก็จะยิ่งทำให้สิ้นเปลืองค่าไฟเพิ่มขึ้น วิธีประหยัดไฟฟ้า ที่ตอบโจทย์ก็คือ การรีดครั้งเดียวในปริมาณเยอะ ๆ พรมน้ำเล็กน้อยก่อนรีด และควรปรับอุณหภูมิเตารีดให้เหมาะสมกับสภาพเนื้อผ้า เพื่อไม่ให้เสื้อผ้าเสียหาย และกินไฟสูงเกินไป


5. หม้อหุงข้าว

อีกหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าที่แทบจะมีติดครัวไว้ในทุกบ้าน นั่นก็คือ หม้อหุงข้าว เพราะข้าวถือเป็นอาหารหลักของคนไทย โดยอุปกรณ์ชนิดนี้มีอัตราการกินไฟอยู่ที่ 450 – 1,500 วัตต์ ซึ่ง วิธีประหยัดไฟฟ้า ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับหมอหุงข้าวได้ก็คือ เลือกขนาดหม้อหุงข้าวให้พอดีกับจำนวนสมาชิกภายในบ้าน ไม่เล็ก แต่ก็ไม่ใหญ่จนทำให้สิ้นเปลืองไฟฟ้าโดยเปล่าประโยชน์ และควรหุงให้พอดีในการบริโภค ปิดฝาหม้อให้สนิท ถอดปลั๊กออกทุกครั้งเมื่อใช้งานเสร็จสิ้น


วิธีประหยัดไฟฟ้า  เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ที่กล่าวมานี้ล้วนมีอัตราการกินไฟสุดโหด ที่หากเลือกขนาดที่ไม่เหมาะสม และใช้งานอย่างไม่มีการวางแผน ก็อาจจะต้องเผชิญกับปัญหาค่าไฟพุ่งกระฉูด จนแบกรับไม่ไหวก็เป็นไปได้ ดังนั้น อีกหนึ่งตัวช่วยที่เป็น วิธีประหยัดไฟฟ้า แบบเห็นผลจริงและคุ้มค่าในระยะยาวก็คือ การติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าโซล่าเซลล์ โดยสำหรับท่านใดที่สนใจสามารถขอคำปรึกษาและสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ ได้ที่บริษัท โซลาร์ พาวเวอร์ ครีเอชั่น บริษัทชั้นนำด้านการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ที่มีประสบการณ์มากว่า 20 ปี มีทีมวิศวกรและช่างที่มีความเชี่ยวชาญดูแลตั้งแต่สำรวจ ติดตั้ง ขออนุญาต ไปจนถึงการบำรุงรักษา โดยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 081 – 2589068 หรือแอดไลน์ @Solarpowercreation และเข้าไปอ่านเนื้อหาความรู้ที่น่าสนใจเกี่ยวกับโซลาร์เซลล์ได้ที่ www.powercreation.co.th และ Facebook : Solar Power Creation

โดย Nung Pr 8 มกราคม 2567
หยุดทำให้โซลาร์ ต้องกลายเป็นผู้ต้องหากันเถอะ
โดย Nung Pr 9 ตุลาคม 2566
ในแต่ละเดือน ทุกครอบครัวจะมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกันออกไป แต่มีหนึ่งสิ่งที่ทุกสถานที่ต้องจ่ายเช่นเดียวกัน ก็คือ ค่าไฟฟ้า ซึ่งยิ่งใช้มาก ก็จะมียอดเรียกเก็บในแต่ละเดือนสูงขึ้น โดยเฉพาะในทุกวันนี้ที่หลาย ๆ แห่งประสบปัญหา ค่าไฟแพงมาก จนอยากหาทางออก ที่ไม่ใช่แค่การประหยัดไฟ ซึ่งบางครั้งก็รบกวนสร้างความยุ่งยาก ลำบาก ไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร โดยการหาทางแก้อย่างยั่งยืนได้นั้น ก็ต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่าสาเหตุของวิกฤติ ค่าไฟแพงมาก นั้นมาจากอะไร ซึ่งคงมีหลายคนที่สงสัย และต้องการหาคำตอบว่ามีต้นทางมาจากอะไร เราจึงอยากชวนมาทำความเข้าใจ ให้กระจ่างกัน 1. ความผิดปกติของการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าบางชนิด ปัญหา ค่าไฟแพงมาก อาจจะมีหนึ่งในสาเหตุมาจากการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าบางชนิดมากกว่าผิดปกติ หรือเป็นไปได้ว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าธรรมดาจะเกิดความเสื่อมสภาพภายใน จนทำให้กินไฟมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์รุ่นเก่า ๆ ที่ใช้งานมานาน และไม่ได้มีการพัฒนาใช้เทคโนโลยีประหยัดไฟฟ้าซึ่งเป็นนวัตกรรมสมัยใหม่ ซึ่งหากพบว่ามาจากสาเหตุนี้ ก็ควรมีการเปลี่ยนแปลงซ่อมแซม หรือซื้อเครื่องใหม่ที่ใช้งานได้เป็นปกติทดแทน ซึ่งจะช่วยให้สามารถประหยัดไฟฟ้า และช่วยลดค่าไฟให้ต่ำลงได้ 2. เกิดไฟฟ้ารั่วในบางจุด หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าตามปกติ ไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงใด ๆไม่ได้ทำกิจกรรมหรือจัดงานอะไรพิเศษที่มีการใช้ไฟฟ้ามากกว่าธรรมดา ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าปัญหา ค่าไฟแพงมาก จะมีสาเหตุมาจากเกิดไฟฟ้ารั่วไหลในบางจุด ซึ่งมีการเสื่อมสภาพของสายไฟ หรือมีสัตว์ต่าง ๆ เช่น หนูมากัดแทะสายไฟ จนทำให้เกิดปัญหาไฟฟ้าช๊อต และไหลออกโดยไม่ได้ใช้งาน หากมีการตรวจสอบที่ชัดเจนแล้ว ก็ควรเร่งติดต่อช่างไฟฟ้ามาดำเนินการซ่อมแซมแก้ไข ไม่ควรดำเนินการเอง หากไม่มีความชำนาญ 3. ความผิดพลาดของบุคคลที่เกี่ยวข้อง บางครั้งปัญหา ค่าไฟแพงมาก ก็อาจจะไม่ได้มาจากสาเหตุภายในสถานที่ซึ่งใช้ไฟฟ้านั้น ๆ ก็เป็นไปได้หลายครั้งที่พบว่าเกิดจากความผิดพลาดของผู้เกี่ยวข้องในระบบจัดการคิดคำนวณค่าไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นผู้ทำหน้าที่จดมิเตอร์ หรือระบบในการจัดส่งข้อมูล ซึ่งทำให้ยอดที่แสดงผลในบิลค่าไฟฟ้ารายเดือนผิดแผกแตกต่างไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งจะต้องมีการแจ้งให้เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าเร่งตรวจสอบ เพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์ของตนเอง และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการรับผิดชอบแก้ไข 4. การปรับตัวของต้นทุนพลังงานในการผลิตไฟฟ้า อีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่เป็นต้นตอของปัญหา ค่าไฟแพงมาก ก็มาจากการปรับตัวของต้นทุนเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหินรวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างซ่อมแซมโรงไฟฟ้าที่ถูกผลักมาเป็นค่าใช้จ่ายที่ผู้ใช้ไฟฟ้าจะต้องแบกรับผ่านค่า ft ซึ่งจะมีการทบทวนและประกาศใหม่ในทุก ๆ 3 เดือน แม้ว่าจะใช้ไฟฟ้าในจำนวนหน่วยเท่าเดิม แต่หากค่า ft ปรับตัวเพิ่มขึ้น ก็มีความเป็นไปได้ที่ค่าไฟจะพุ่งสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 5. การใช้ไฟฟ้าสูงกว่าปกติตามฤดูกาล ในแต่ละเดือนของแต่ละปี จะมีการใช้ไฟฟ้าที่แตกต่างกันออกไป โดยฤดูกาลก็มีผล อย่างฤดูฝนหรือฤดูหนาว ก็จะมีการใช้ไฟฟ้าที่น้อยกว่าฤดูร้อน ซึ่งจะต้องเปิดใช้งานเครื่องปรับอากาศ พัดลมมากกว่าปกติ ซึ่งชุดเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้ก็กินไฟสูง จึงเป็นเหตุให้ ค่าไฟแพงมาก กว่าช่วงเวลาอื่น ๆ ได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น เพื่อการหาทางเลือกอื่น ๆ ที่ช่วยให้ประหยัดค่าไฟในฤดูร้อนได้ดี ก็อาจจะเป็นตัวช่วยให้ค่าไฟฟ้าในเวลานั้นไม่สูงเกินกว่าค่าเฉลี่ยทั้งปีได้ ซึ่งจะสามารถช่วยแก้ปัญหาค่าใช้จ่ายสูงได้ จากสาเหตุ ค่าไฟแพงมาก ที่รวบรวมมาคลายความสงสัยให้ทุกคนได้ทราบ เพื่อจะได้วางแผนในการตรวจสอบและแก้ไข โดยหนึ่งทางออกที่ช่วยสยบปัญหานี้ได้อย่างอยู่หมัดก็คือ การเลือกใช้ระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มาเป็นตัวช่วย โดยหากท่านใดที่สนใจในการนำระบบโซล่าเซลล์มาใช้งาน แต่เริ่มต้นไม่ถูกว่าจะต้องทำอะไรก่อนดี สามารถขอคำปรึกษาและสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ จากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญอย่าง บริษัท โซลาร์ พาวเวอร์ ครีเอชั่น ที่มีทีมวิศวกรและช่างที่มีความเชี่ยวชาญดูแลตลอดระยะเวลาตั้งแต่สำรวจ ติดตั้ง ขออนุญาต ไปจนถึงการบำรุงรักษา โดยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 082-628-2456 หรือแอดไลน์ @Solarpowercreation และเข้าไปอ่านเนื้อหาความรู้ที่น่าสนใจเกี่ยวกับโซลาร์เซลล์ได้ที่ www.powercreation.co.th และ Facebook : Solar Power Creation
โดย Nung Pr 9 ตุลาคม 2566
เสียงบ่นเรื่องค่าไฟแพงมักจะได้ยินกันอยู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน ซึ่งมีอัตราการใช้ไฟฟ้าที่สูงกว่าช่วงอื่น ๆ ในแต่ละปี โดยอาจจะมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่ทราบว่ามีสาเหตุหรือต้นทางมาจากอะไร เราจึงอยากชวนผู้ใช้ไฟทุกคนมาทำความเข้าใจกันว่าปัญหา ค่าไฟแพง 2566 มีปัจจัยใดเป็นตัวสนับสนุน แล้วเราจะหาทางออกให้กับวิกฤติเรื้อรังนี้ยังไงให้เกิดความยั่งยืน เนื่องจากไฟฟ้าถือเป็นพลังงานสำคัญและมีความจำเป็นสำหรับทุกสถานที่ และทุกคน โดยเฉพาะในอนาคตที่คาดว่าจะต้องใช้ในปริมาณเพิ่มสูงขึ้น การมารู้จักสาเหตุ ค่าไฟแพง 2566 จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่จะสร้างทางเลือกใหม่ ๆ ที่จะทำให้ไม่ต้องเครียดกับปัญหาค่าไฟที่ผลักดันให้ค่าครองชีพสูงตามไปด้วย 1. การพึ่งพาและนำเข้าเชื้อเพลิงจากต่างชาติ ที่ไม่สามารถควบคุมราคาได้ การผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยในปัจจุบัน ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรายังคงพึ่งพาเชื้อเพลิงที่มีแหล่งผลิตอยู่ในต่างประเทศ ซึ่งทำให้ไม่สามารถควบคุมโครงสร้างราคาได้ โดยเฉพาะหากมีปัจจัยอื่น ๆ เข้ามาสนับสนุน เช่น การหยุดซ่อมแซมเพื่อปรับปรุงระบบขุดเจาะหรือนำส่ง การเกิดภาวะสงครามหรือความขัดแย้งในประเทศนั้น ๆ จำนวนปริมาณพลังงานที่มีจำนวนน้อยลง จนส่งผลให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหา ค่าไฟแพง 2566 ทั้งสิ้น 2. การใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลส่วนใหญ่ในการเป็นแหล่งพลังงานผลิตไฟฟ้า ระบบโรงผลิตไฟฟ้าส่วนใหญ่ยังคงต้องใช้เชื้อเพลิงจากน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสำคัญในการผลิตไฟฟ้า ทำให้ประเทศไทยต้องแบกรับความเสี่ยงกรณีขาดแคลนเชื้อเพลิงเหล่านี้ ซึ่งต้องมีการหาแหล่งสำรอง ที่อาจจะมีราคาที่สูงขึ้น แต่ด้วยข้อจำกัด จึงต้องมีการจัดซื้อ เพื่อให้มีต้นทุนเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าให้เพียงพอต่อความต้องการของประชากรในประเทศ และไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจการค้าโดยรวม นี่จึงนับเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ส่งผลให้เกิดวิกฤติ ค่าไฟแพง 2566 3. รูปแบบต้นทุนการผลิต ที่ผลักภาระไปสู่ผู้ใช้ไฟฟ้าโดยตรง ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในการผลิตไฟฟ้าไม่ว่าจะเป็นที่ผลิตโดยโรงไฟฟ้าของรัฐ หรือเอกชน จะนำมาคำนวณรวมกันแล้วเฉลี่ยเป็นส่วนประกอบของโครงสร้างค่าไฟฟ้าที่ทุกสถานที่ผู้ใช้ไฟจะต้องแบกรับ ในสัดส่วนที่แตกต่างกันไป แปรผันตามปริมาณการใช้งาน ยิ่งใช้ไฟฟ้ามาก ก็ยิ่งจะต้องจ่ายค่าไฟสูงขึ้น ค่าไฟแพง 2566 ส่วนหนึ่งจึงมาจากรูปแบบต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่จะผลักดันภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไปสู่ผู้ใช้ไฟฟ้าโดยตรง เพื่อไม่ก่อให้เกิดภาระขาดทุนที่ภาครัฐจะต้องแบกรับ หรือนำภาษีที่จัดเก็บได้มาอุดหนุน 4. การสำรองไฟฟ้าไว้ใช้งานในอัตราที่สูงเกินความจำเป็น เพื่อให้เกิดความมั่นคงทางพลังงานไฟฟ้า และไม่ก่อให้เกิดการหยุดชะงัก กรณีเกิดการขาดแคลน รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้ไฟ ไม่ว่าจะเป็นการไฟฟ้าฝ่ายผลิต การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือการไฟฟ้านครหลวง จึงต้องมีการวางแผน เพื่อดำเนินการสำรองกระแสไฟฟ้าไว้ใช้งานให้เพียงต่อ โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อน หรือช่วงที่มีการหยุดซ่อมบำรุงของโรงไฟฟ้าบางแห่ง ซึ่งจะทำให้ไฟฟ้าบางส่วนหายไปจากระบบ ทำให้ต้องซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศเข้ามาทดแทน ในบางครั้งอาจจะมีอัตราสำรองที่สูงเกินจริง จึงเป็นหนึ่งในต้นเหตุให้เกิดปัญหา ค่าไฟแพง 2566 5. นโยบายด้านพลังงานที่ไม่สอดคล้องต่อสถานการณ์ เสถียรภาพด้านการเมือง แม้จะไม่ใช่ประเด็นหลักที่จะทำให้เกิดปัญหา ค่าไฟแพง 2566 แต่ก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะนโยบายจากรัฐบาลในแต่ละยุคสมัยก็มีผลผูกพันต่อการทำสัญญาซื้อขาย และการวางแผนเพื่อรองรับการใช้ไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เมื่อมีการปรับเปลี่ยนรัฐบาล หรือผู้มีอำนาจในการสั่งการ ก็มักจะเป็นส่วนหนึ่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแนวคิดในการดำเนินการ ซึ่งอาจจะกระทบกระเทือน และไม่สอดคล้องต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบ ค่าไฟแพง 2566 จึงมีสาเหตุหรือต้นทางมาจากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น โดยอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยคลี่คลายปัญหานี้ได้อย่างยั่งยืน ก็คือ การหันมาใช้พลังงานทางเลือกอย่างแสงอาทิตย์ในการผลิตไฟฟ้าผ่านระบบโซล่าเซลล์ โดยสำหรับท่านใดที่สนใจในการนำระบบโซล่าเซลล์มาใช้งาน สามารถขอคำปรึกษาและสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ จากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญอย่าง บริษัท โซลาร์ พาวเวอร์ ครีเอชั่น บริษัทชั้นนำด้านการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ที่มีประสบการณ์มากว่า 20 ปี มีทีมวิศวกรและช่างที่มีความเชี่ยวชาญดูแลตลอดระยะเวลาตั้งแต่สำรวจ ติดตั้ง ขออนุญาต ไปจนถึงการบำรุงรักษา โดยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 082-628-2456 หรือแอดไลน์ @Solarpowercreation และเข้าไปอ่านเนื้อหาความรู้ที่น่าสนใจเกี่ยวกับโซลาร์เซลล์ได้ที่ www.powercreation.co.th และ Facebook : Solar Power Creation
โพสเพิ่มเติม
Share by: